วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ใช้ขวดพลาสติก เสี่ยงสมองเสื่อม

ขวดน้ำพลาสติก เครื่องดื่มเย็น ๆ ในขวดพลาสติก ถ้วยพลาสติกใส่กาแฟเย็น เป็นของติดมือ เป็นเพื่อนเราแทบทุกวัน ที่จะฆ่าเราอย่างช้า ๆ


ผลวิจัยล่าสุดจากหมาวิทยาลัย เยล บอกว่าสารเคมีที่เป็นส่วนผสมในภาชนะพลาสติก มีผลต่อสมองและอารมณ์ของลิงให้ห้องทดลอง เป็นครั้งแรกที่มีการเปิดเผยว่ามีผลต่อสมองของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
Bisphenol A หรือ BPA สารประกอบสำคัญในพลาสติก ที่อุตสาหกรรมพลาสติกนำมาทำภาชนะต่าง ๆ ให้เรารู้สึกว่าสะดวก เบา ไม่แตกง่าย ใส่ได้ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม แต่ตัว BPA นี้จะซึมออกจากพลาสติกมาผสมกับอาหารและน้ำดื่มที่เราบรรจุอยู่ และที่น่าตกใจอย่างยิ่ง เพราะเมื่อมีการตรวจปัสสาวะของคนทั่วไป ปรากฏว่า พบสารตัวนี้ถึง 93% ในประชากรทั้งหมด
ในสถาบันทดลองของมหาวิทยาลัย เยล ได้ทดลองให้ลิงได้รับสาร BPA ในปริมาณที่หน่วยงานความปลอดภัยด้านสิ่งแวดล้อมของอเมริการับรองว่าปลอดภัยต่อมนุษย์ ผลปรากฏว่า เซลล์สมองของลิงมีผลกระทบต่อความจำ อารมณ์ และการเรียนรู้ใหม่ ๆ
นักวิจัยก็พยายามทดลองต่อไปอีกว่า แล้วปริมาณต่ำแค่ไหนที่จะไม่มีผลกระทบต่อเซลล์สมองของลิง และวิจัยเพิ่มเติมต่อไปอีกว่า ระดับที่ปลอดภัยต่อมนุษย์ ควรเป็นเท่าไหร่กันแน่
แต่ผลวิจัยนี้ก็ได้รับการโต้แย้งจากหน่วยงานสมาคมเคมีของอเมริกาว่ายังไม่มีหลักฐานแน่ชัดใด ๆ ที่บอกว่า BPA ในพลาสติกมีผลต่อสุขภาพมนุษย์ ขณะเดียวกัน FDA ของอเมริกาก็บอกว่าอัตราส่วนผสม BPA ในภาชนะพลาสติกยังอยู่ในระดับที่ปลอดภัย และไม่มีอันตรายใด ๆ
ข้อโต้เถียงนี้มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมพลาสติกแน่นอน เฉพาะในอเมริกามีการใช้ BPA มากกว่า 7 พันล้านปอนด์ต่อปี และมีธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นมูลค่ากว่าพันล้านดอลล่าร์ ซึ่งก็พยายามที่จะให้ทุนแก่หน่วยงานต่าง ๆ ทำวิจัยว่า BPA ไม่มีอันตราย เพราะหากสรุปได้ว่าอันตรายธุรกิจมหาศาลมีปัญหาแน่ ๆ

ในแคนาดา กำลังจะมีการออกกฎหมายไม่ให้ใช้สาร BPA ในขวดนม และของใช้ ของเล่นเด็ก รวมถึงห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ วอลมาร์ท ก็ได้ประกาศลดการจำหน่าย ขวดนมเด็ก ขวดน้ำดื่ม ที่มีส่วนผสมของสาร BPA โดยเลือกขายเฉพาะที่ระบุว่า BPA Free
บ้านเราคงไม่ต้องรอหน่วยงานรัฐ ดูแลเราให้ดีขนาดนั้น เพียงแต่เตือนตัวเองว่า ให้หลีกเลี่ยงภาชนะพลาสติกให้ได้ทุกโอกาส เพราะเดี๋ยวสมองที่ไม่ค่อยใสอยู่แล้วพาลจะแย่ยิ่งขึ้นไปอีก

วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ทำไมเราถึงหาว รู้ไหม?


อาการหาว น้ำตาไหล น้ำมูกไหล เกิดจากปฏิกิริยาการตอบสนองของร่างกาย

อาจมาจากการที่สมองขาดออกซิเจนไปชั่วขณะ หรืออาจได้รับก๊าซคาร์บอนมอนน๊อกไซต์มากเกินไปแต่หากไม่อยากหาวบ่อย ๆ ก็ลองพยายามหาเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่เคร่งเครียด หลีกเลี่ยงจากมลพิษ และอยู่ในบริเวณพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก รับรองอาการหาวของคุณจะค่อย ๆ ลดลง

แต่หากลองแล้วยังไม่ได้ผล

ยังหาวอยู่เรื่อย ๆ วันละไม่ต่ำกว่า 30 ครั้งล่ะก็ แนะนำให้ไปพบแพทย์ตรวจร่างกายดีกว่า เพราะการหาวบ่อย ๆแบบนี้เป็นสัญญาณเตือนว่าคุณอาจมีปัญหาเกี่ยวกับลักษณะการนอนและระบบทางเดินหายใจ เข้าแล้ว